307 จำนวนผู้เข้าชม |
แสงสีฟ้า Blue Light คืออะไร
แสงที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ในช่วงแสงสีขาว แบ่งได้ 7 สี คือ ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด และแดง มีความยาวคลื่นและพลังงานแตกต่างกัน แสงที่มองเห็นได้อยู่ที่ช่วงความยาวคลื่นประมาณ 400 – 700 nm แสงสีฟ้า( Blue Light ) อยู่ที่ช่วงประมาณ 400 – 500 nm เป็นแสงที่มีพลังงานสูงใกล้เคียงรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) อีกด้วย อุปกรณ์กำเนินแสงสีฟ้าได้ เช่น หลอดไฟหลายประเภท LED ไฟหน้ารถ ไฟท้ายรถ อุปกรณ์ดิจิทัล เช่น จอโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต
ปัญหาผิวจาก Blue Light
ไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับการทำงานในออฟฟิตหน้าคอมพิวเตอร์ เนื่องจาก Blue Light สามารถทำลายชั้นผิวได้ลึกยิ่งกว่ารังสี UVA และ UVB จึงก่อให้เกิดปัญหาผิวของเราตามมาได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะ Blue Light เป็นแสงที่มีอยู่รอบตัวเราทำให้ผิวเราสัมผัสบ่อยและยาวนานมากในแต่ละวัน ทำให้ Blue Light เข้าไปทำลายคอลลาเจนชั้นใต้ผิว เป็นสาเหตุปัญหาผิวหลายประการดังนี้
แสงสีฟ้าสร้างความเสียหายอะไรให้กับผิวบ้าง?
โดยธรรมชาติแสงสีฟ้ามีผลต่อ Circadian Rhythm หรือนาฬิกาชีวิตที่ทำให้ร่างกายทำงานเป็นปกติ ช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนออกมา ทำให้กระฉับกระเฉง รู้เวลานอน รู้เวลาตื่น หากได้รับแสงสีฟ้าจากหน้าจอในเวลากลางคืนช่วงระยะเวลาหนึ่งจะส่งผลให้มีอาการนอนไม่หลับ ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและสุขภาพผิวได้ ดังนี้
แสงสีฟ้าสร้างความเสียหายอะไรให้กับผิวบ้าง?
โดยธรรมชาติแสงสีฟ้ามีผลต่อ Circadian Rhythm หรือนาฬิกาชีวิตที่ทำให้ร่างกายทำงานเป็นปกติ ช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนออกมา ทำให้กระฉับกระเฉง รู้เวลานอน รู้เวลาตื่น หากได้รับแสงสีฟ้าจากหน้าจอในเวลากลางคืนช่วงระยะเวลาหนึ่งจะส่งผลให้มีอาการนอนไม่หลับ ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและสุขภาพผิวได้ ดังนี้
1. ผิวคล้ำ
ผิวคล้ำจากการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือแสงไฟสูงมีผลเช่นเดียวกันกับการที่ผิวอยู่ใต้แสงแดดจากดวงอาทิตย์ตอนกลางวันเป็นเวลา 30 นาที แสงสีฟ้าสามารถเจาะลึกลงไปในผิวได้เมื่อเทียบกับรังสียูวี เมื่อเวลาผ่านการทำงานหน้าคอมพิวเตอร์บ่อยและนานยิ่งกว่าารเดินผ่านแดดอาจจะเกิดความเสียหายผิวที่แย่กว่าดวงอาทิตย์
2. ริ้วรอย & ผิวหย่อนคล้อย
Blue Light แสงสีฟ้ากระตุ้นภาวะเครียดที่เกิดจากออกซิเดชันในผิว สามารถก่อให้เกิดผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อผิวหนังได้เช่น เดียวกับการสัมผัสรังสี UVA โดยการปล่อยอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์ ก่อให้เกิดผิวหย่อนคล้อย และริ้วรอยก่อนวัย
3. ขอบตาคล้ำ
การได้รับแสงสีฟ้าในเวลากลางคืนสามารถยับยั้งการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติในเวลากลางคืนได้ โดยเฉพาะผิวบริเวณใต้ตาซึ่งบางกว่า 40% เมื่อเทียบกับผิวบริเวณอื่น ๆ บนใบหน้า
รับมืออย่างไรไม่ให้ผิวเสียจากแสงสีฟ้า( Blue Light)
1.กันแดดดีที่สุด การแก้ไขอย่างรวดเร็วคือการทาครีมกันแดดปกป้องผิวประจำทุกวัน กลางวันหรือกลางคืนที่มีแสงไฟและหน้าคอมพิวเตอร์
ครีมกันแดด ตัวช่วยปกป้องผิวจาก Blue Light จาก ZARA PEARL ORGANIC SUNSCREEN SPF 50 PA+++ กันแดดเนื้อบางเบา แห้งเร็วเรียบเนียน มีสารสกัดธรรมชาติที่ดีที่สุดของตารางสารกันแดด Zine Oxide กับ Titanium dioxide มีดัชนีหักเหแสง คุณสมบัติทึบแสงสะท้อนรังสี UV และกระจายแสงออกจากผิวหนัง ปกป้องผิวชั้นที่1 และชั้นที่ 2 ดูดซับรังสียูวีก่อนลงถึงผิว ป้องกันได้ทั้ง UVA/UVB ด้วยส่วนผสมสารบำรุง วิตามินอี (Tocopheryl acetate) เข้มข้นสูงเทียบเท่าบำรุงผิว ต้านอนุมูลอิสระและชะลอการเกิดริ้วรอย ลดเลือนจุดด่างดำ อันเกิดจากแสงแดดและแสง Bule Light ได้ยาวนาน พร้อมควบคุมความมันระหว่างวัน ปราศจากสารระคายเคืองผิว ไม่มีซิลิโคน น้ำหอม สี สารกันเสีย ไม่มีสารพิษทำร้ายปะการัง ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน อ่อนโยนต่อผิวบอบบางเป็นสิวและผิวแพ้ง่าย
2. ติดฟิลม์กันแสงสีฟ้าบนโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ การเปิดใช้งาน “โหมดกลางคืน แสงสีเหลือง ”บนอุปกรณ์ดิจิทัลช่วยทำให้ดวงตาและผิวสบายขึ้นด้วย
3.ลองหาอุปกรณ์หรือพืชมีเข็ม เช่น ต้นกระบองเพรช ช่วยดูดหักเห ลดแสงสีฟ้าblue light เข้าผิวหน้าได้
4.ปรับแสงสว่างในตอนกลางคืนและลดการใช้อุปกรณ์มีแสงในเวลากลางคืน เพื่อสุขภาพผิวและร่างกาย สายตาที่ดี
ด้วยความปราถนาดีจากซาร่า เพิร์ล ออร์แกนิค